นายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสศช. (สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ) เผยออกมาว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติได้ร่วมกับ บริษัทศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ จำกัด ตรวจสอบการดำรงชีพค้าขายรายย่อยของแรงงานต่างประเทศในประเทศไทย ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพ รวมทั้งจังหวัดใหญ่ ๆ พบว่า แรงงานต่างประเทศเป็นเจ้าของร้านค้าในห้าง 6.9% ของปริมาณผู้ค้าทั้งหมดทั้งปวง เป็นเจ้าของแผงในตลาดนัด 1.8% เป็นเจ้าของแผงในตลาดสด 20.9% และก็เป็นเจ้าของร้านค้าในตลาดชุมชน 9.7% โดยคนต่างประเทศที่เป็นเจ้าของร้านค้า หรือแผงค้าขาย มีเชื้อชาติพม่า 44.5% เขมร 21.4% ลาว19.8%,เวียดนาม 4.4% จีน 1.6% ชนหมู่น้อย 5.5% แล้วก็อื่น ๆ 2.7% ส่วนการสำรวจด้านรายได้พบว่า ผู้ค้าที่เป็นคนต่างด้าวนี้ 47.4% มีเงินเก็บ โดยไม่มีหนี้สิน และก็กว่า 80% มีการส่งเงินกลับประเทศของตนเองเดือนละครั้ง โดยส่งคืนจำนวนเงินทีละ 1,001-5,000 บาท คิดเป็น 52% ส่งเงินกลับทีละ 5,001-10,000 บาทคิดเป็น 35.1% โดยมากจะส่งคืนโดยฝากเพื่อนหรือญาติพี่น้องไป โอนเงินผ่านแบงค์ รวมทั้งเอากลับด้วยตัวเอง จากการสำรวจ ผู้ค้าคนประเทศไทยมีความคิดเห็นว่า การเข้ามาค้าขายของคนต่างด้าวนี้มีทั้งข้อดี และข้อเสีย
ซึ่งคุณลักษณะเด่นคือช่วยเหลือให้ตลาดมีความสนุกสนาน เย้ายวนใจคนต่างด้าวอื่น ๆ มาซื้อผลิตภัณฑ์ และก็ทำให้มีผลิตภัณฑ์นานัปการ ส่วนข้อเสียก็เป็นการมาแย่งอาชีพของชาวไทย เนื่องจากว่ามักจะมีการขายของประเภทเดียวกัน เป็นต้นว่า ผักสด/ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และเนื้อสัตว์ โดยมีการขายลดราคา ใช้ของคุณภาพแย่ ช่วงชิงผลิตภัณฑ์ และก็วัตถุดิบทำให้ราคาสูงขึ้น